แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 34
1
mobile expo: POCO M6 มอบความสนุกไม่รู้จบด้วยการถ่ายภาพและประสบการณ์การรับชมที่ยอดเยี่ยม เริ่มต้น 4,399 บาท

POCO M6 สมาร์ทโฟนราคาประหยัดรุ่นใหม่ที่ให้กล้องระดับโปร 108MP หน้าจอ FHD+ การประมวลผลที่ยอดเยี่ยม แบตเตอรี่และการชาร์จที่รวดเร็ว โดยมาในดีไซน์เพรียวบางและทันสมัย ทำให้ POCO M6 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพในราคาที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่ง

POCO M6 พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้วในราคาพิเศษ7 เฉพาะระหว่างวันที่ 13 - 26 มิถุนายน 2567 โดย POCO M6 รุ่นความจุ 6GB+128GB วางจำหน่ายในราคาพิเศษ 4,399 บาท (จากราคาปกติ 5,299 บาท) และ POCO M6 รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคาพิเศษ 4,999 บาท (จากราคาปกติ 5,999 บาท) ที่ช่องทางออนไลน์

เพลิดเพลินกับการสร้างสรรค์ภาพถ่ายระดับมืออาชีพ
POCO M6 มีกล้องหลักความละเอียด 108MP ที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ขนาด 1/1.67 นิ้ว ทำให้ทุกช็อตของ POCO M6 มีรายละเอียดที่น่าทึ่ง ทั้งยังมาพร้อม Dual LED ring flashlight ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายภาพกลางคืนให้ดียิ่งขึ้น โดย POCO M6 ยังมีโหมดการถ่ายภาพต่างๆ อาทิ โหมดการถ่ายภาพกลางคืน โหมดการถ่ายภาพบุคคล และการถ่ายภาพ HDR ที่จะได้ภาพที่สวยงามคมชัดมากยิ่งขึ้น สำหรับกล้องหน้าของ POCO M6 มีความละเอียด 13MP เพื่อการถ่ายภาพเซลฟี่ นอกจากนี้ POCO M6 ยังมีฟิลเตอร์สำหรับการปรับแต่งภาพอีกมากมายเพื่อให้ผู้ใช้ได้สร้างสรรค์ภาพอย่างสนุกสนานอีกด้วย
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานพร้อมจอแสดงผลแบบไดนามิก 90Hz FHD+

POCO M6 มาพร้อมจอแสดงผล LCD FHD+ (2460 x 1080) ขนาดใหญ่ 6.79 นิ้ว แสดงสีสันสดใสและภาพที่คมชัดด้วยค่าความสว่าง 550 นิต (HBM) และอัตราส่วนคอนทราสต์ 1500:1 ทั้งยังมีเทคโนโลยี Dynamic AdaptiveSync ซึ่งทำให้สามารถปรับอัตราการรีเฟรชของการแสดงผลได้โดยมีอัตราการรีเฟรชสูงสุดถึง 90Hz (impressive 90Hz)1 และอัตราการตอบสนองการสัมผัสรวดเร็วที่ 180Hz (180Hz touch sampling rate) ยังมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ลื่นไหลอีกด้วย

POCO M6 มีเทคโนโลยี Wet touch ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้และควบคุมการสัมผัสหน้าจอ ในขณะที่กระจก Corning® Gorilla® ช่วยยืดอายุการใช้งานสมาร์ทโฟนและป้องกันการสึกหรอในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ POCO M6 ยังมีฟีเจอร์ DC dimming และได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland Low Blue Light, Flicker Free และ Circadian Friendly เพื่อมอบประสบการณ์การรับชมที่สบายตาและดีต่อการดูแลสายตา
POCO M6 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio G91 Ultra เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ไหลลื่นและทรงพลัง โดยชิปเซ็ต Helio G91 Ultra ประกอบด้วย CPU แบบ Octa-core ที่มี Cortex-A75 แกนประสิทธิภาพสูงจำนวน 2 แกน และ Cortex A55 แกนประหยัดพลังงานจำนวน 6 แกน หน่วยประมวลผลกราฟิก Arm Mali-G52 MC2 ช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสบการณ์การเล่นเกมที่ยอดเยี่ยม

ยกระดับไลฟ์สไตล์ด้วยดีไซน์กระจกหลังที่หรูหรา
POCO M6 มาพร้อมกับดีไซน์กระจกด้านหลังซึ่งให้ความหรูหราเป็นเอกลักษณ์คล้ายกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธง โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Black, Purple และ Silver ตัวเครื่องมีความบางเพียง 8.3 มม.2 ให้ความรู้สึกเบาและพรีเมียมขณะถือ นอกจากนี้ POCO M6 ยังได้รับการรับรองตามมาตรฐาน IP533 ซึ่งทนต่อสภาพอากาศชื้นและละอองน้ำ และยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,030mAh4 รองรับการชาร์จเร็ว 33W5 ช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็มภายในเพียง 70 นาที6 ทั้งยังมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และมีที่สแกนลายนิ้วมือด้านข้างในตำแหน่งที่สะดวกเพื่อความรวดเร็วและปลอดภัยในการเปิดใช้งานอีกด้วย

POCO M6 มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ Black, Purple และ Silver ดังนี้

• POCO M6 รุ่นความจุ 6GB+128GB วางจำหน่ายในราคาพิเศษ7 4,399 บาท (จากราคาปกติ 5,299 บาท)

• POCO M6 รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคาพิเศษ7 4,999 บาท (จากราคาปกติ 5,999 บาท)


หมายเหตุ*
1 อัตรารีเฟรชจะปรับเป็น 30/48/50/60/90Hz โดยอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ผู้ใช้สามารถตั้งค่าอัตรารีเฟรชเป็น 60/90Hz ได้ด้วยตนเอง อัตรารีเฟรชอาจถูกจำกัดโดยการรองรับของแอป
2 ขนาดที่วัดได้จริงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละผลิตภัณฑ์ คุณสมบัติทั้งหมดขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์จริง
3 อุปกรณ์ที่มีระดับ IP53 ได้รับการทดสอบว่าทนทานต่อน้ำกระเซ็นและฝุ่นในสภาพห้องปฏิบัติการเฉพาะ โดยมีการจัดประเภทการป้องกันน้ำเข้า IP53 ตาม IEC 60529:1989+A1:1999+A2:2013
4 5030mAh เป็นค่าปกติ อ้างอิงจากผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการภายใน อายุการใช้งานแบตเตอรี่จริงอาจต่างกัน
5 อะแดปเตอร์จ่ายไฟมีจำหน่ายเฉพาะในบางประเทศและบางภูมิภาคเท่านั้น อะแดปเตอร์ไฟฟ้าและสายเคเบิลข้อมูลแยกจำหน่ายต่างหาก แนะนำให้ใช้ชุดชาร์จ POCO 33W (Type-A)
6 ข้อมูลอ้างอิงจากการทดสอบภายใน ผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกัน
7 เงื่อนไขโปรโมชั่นเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

2
จัดฟันบางนา: การฝังรากฟันเทียม ด้วยระบบดิจิตอล

การฝังรากฟันเทียม เป็นการทำการทันตกรรม เพื่อทดแทนการสูญเสียฟันธรรมชาติ ซึ่งการทำรากฟันเทียมนั้น ถือว่าการใช้งานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการใช้งานรากฟันเทียม หลังจากการฝังลงไปในกระดูกขากรรไกรแล้ว สามารถใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติ การฝังรากฟันด้วยระบบดิจิตอล จะเป็นเครื่องตรวจปริมาณและความหนาแน่นของกระดูกที่จะใช้รองรับรากฟันเทียม

รวมไปถึงจะสามารถแสดงโครงสร้างที่สำคัญของกระดูก เพื่อให้การวางแผนการรักษาทางทันตกรรมที่มีประสิทธิภาพและถูกต้อง แม่นยำมากที่สุด นอกจากนี้การฝังรากฟันเทียมด้วยระบบดิจิตอล ยังสามารถลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาด้ววยการฝังรากฟันเทียมแบบเดิมๆได้อีกด้วย ถือว่าเป็นการนำนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาช่วยในการรักษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานอีกด้วย

สำหรับการฝังรากฟันเทียมด้วยระบบดิจิตอล แน่นอนว่า การที่ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการรักษา ย่อมปรากฎผลการรักษาที่แม่นยำและถูกต้อง ตั้งแต่เรื่องของการวางแผนการรักษาและการฝังรากฟันเทียมที่ใช้โปรแกรม CT Scan เข้ามาช่วยกำหนดตำแหน่ง

ซึ่งแน่นอนว่า การรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมด้วยระบบดิจิตอล เป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ทันสมัย มีความปลอดภัยกว่า มีบาดแผลที่เล็กและมีความเจ็บปวดที่น้อยกว่า การฝังรากฟันเทียมแบบเดิมๆ รวมถึงระยะเวลาในการผ่าตัดก็ยังรวดเร็ว และปลอดภัย ไม่ทำให้เส้นประสาทเกิดความเสียหาย ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน และไม่มีผลข้างเคียง ภายหลังจากการผ่าตัด แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์ผู้ทำการรักษา เพื่อให้ผลการรักษาที่อัตราความสำเร็จที่สูงขึ้นไปอีก

สำหรับผู้ที่สนใจหรือต้องการที่จะเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม สามารถเข้ามาติดต่อเจ้าหน้าที่ของทางคลีนิคได้ ด้วยทางเรามีบริการด้านการทันตกรรมที่ครบวงจร มีทีมทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของรากฟันเทียม

รวมไปถึงทางคลีนิคของเรายังมีเครื่องมือและอุปกรณ์ทางทันตกรรมทีทันสมัย รองรับการรักษาที่มีมาตรฐานระดับสากล หากสนใจเข้ารับการรักษา สามารถเข้ามาข้อคำแนะนำหรือสามารถเข้ามาปรึกษาทันตแพทย์เพื่อทำการประเมินช่องปากได้ รับรองได้ว่า คุณจะได้รับการบริการที่ประทับใจ และมีสุขภาพฟันที่ดีอย่างแน่นอน

3
หมอประจำบ้าน: หัดเยอรมัน (Rubella)

หัดเยอรมัน (Rubella) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส และสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ รวมไปถึงผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหัดเยอรมัน ก็สามารถส่งผ่านเชื้อทางกระแสเลือดจากแม่สู่เด็กทารกในครรภ์ได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กทารกได้หลายประการเลยทีเดียว

โดยทั่วไป โรคหัดเยอรมันสามารถติดต่อถึงกันได้ง่ายผ่านทางการการไอ การจาม การสูดเอาเชื้อที่อยู่ในอากาศเข้าสู่ร่างกาย รวมถึงการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสจากผู้ป่วย โรคหัดเยอรมันมีความคล้ายคลึงกับโรคหัด (Measles Rubeola) ซึ่งมักทำให้เกิดผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย ไข้ขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโต แต่โรคหัดเยอรมันเป็นการติดเชื้อไวรัสคนละชนิดกัน และมักมีความรุนแรงของโรคน้อยกว่า


อาการของหัดเยอรมัน

อาการของหัดเยอรมันที่สามารถสังเกตเห็นได้ในช่วงแรกค่อนข้างมีอาการคล้ายกับการติดเชื้อไวรัสทั่วไป ซึ่งหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 1–2 วัน ผู้ป่วยมักจะเริ่มมีอาการดังนี้

    มีไข้ต่ำถึงปานกลาง ประมาณ 37.2–37.8 องศาเซลเซียส
    ต่อมน้ำเหลืองโต โดยเฉพาะบริเวณคอ ท้ายทอย และหลังหู
    มีตุ่มนูนหรือผื่นแดงขึ้นกระจายตัวบริเวณใบหน้าก่อนจะลามไปยังผิวหนังส่วนอื่น เช่น แขน ขา และจะค่อย ๆ หายไปภายใน 3 วัน โดยไม่ค่อยทิ้งรอยแผลจากผื่นไว้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการคันตามผิวหนังร่วมด้วย

อาการอื่น ๆ ที่สามารถพบได้ทั่วไป โดยมักเกิดขึ้นกับวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ เช่น

    ปวดศีรษะ
    คัดจมูก น้ำมูกไหล
    ไม่อยากอาหาร
    เยื่อบุตาอักเสบ ทำให้ตาแดง
    ปวดข้อ ข้อต่อบวม
    ต่อมน้ำเหลืองตามร่างกายมีอาการบวม

ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือไม่มีอาการของโรคก็ได้เช่นกัน และอาการของโรคที่เกิดในเด็กมักจะร้ายแรงน้อยกว่าอาการที่เกิดขึ้นในผู้ใหญ่ที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรค อย่างไรก็ตาม อาการของโรคจะคงอยู่แค่ประมาณ 2–3 วัน ยกเว้นในกรณีที่ต่อมน้ำเหลืองมีอาการบวมอาจคงอยู่นานหลายสัปดาห์ ดังนั้น หากพบอาการข้างต้นเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์


สาเหตุของหัดเยอรมัน

โรคหัดเยอรมันเกิดจากการติดเชื้อไวรัสชื่อรูเบลลา ไวรัส (Rubella Virus) ที่อยู่ในน้ำมูกหรือน้ำลายของผู้ป่วย ซึ่งสามารถแพร่กระจายสู่ผู้อื่นได้ง่ายโดยการไอ การจาม การสูดเอาเชื้อที่อยู่ในอากาศเข้าสู่ร่างกาย รวมถึงการใช้สิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสจากผู้ป่วย นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์สามารถส่งผ่านเชื้อให้แก่ทารกในครรภ์ผ่านทางกระแสเลือดได้ด้วย

ระยะการฟักตัวของโรคหัดเยอรมันจะอยู่ในช่วง 14–23 วัน โดยเฉลี่ยประมาณ 16–18 วัน ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ตั้งแต่มีเชื้อในร่างกายแม้จะไม่มีอาการแสดงออกมา ไปจนถึงหลังอาการผื่นขึ้นตามร่างกายหายไปประมาณ 2–3 สัปดาห์เลยทีเดียว


การวินิจฉัยหัดเยอรมัน

หากแพทย์สงสัยว่าผู้ป่วยมีการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหัดเยอรมัน ในเบื้องต้นจะมีการสอบถามข้อมูลทั่วไป เช่น อาการผิดปกติที่เกิดขึ้น ประวัติการติดต่อกับผู้ป่วยโรคนี้หรือผู้ที่มีผื่นขึ้น และตรวจตามร่างกายว่ามีผื่นขึ้นหรือไม่ จากนั้นจะมีการตรวจน้ำลายและการตรวจเลือด เพื่อช่วยยืนยันผลการติดเชื้ออีกครั้ง โดยรายละเอียดการตรวจน้ำลายและการตรวจเลือด มีดังนี้


การตรวจน้ำลายและการตรวจเลือด (Saliva & Blood Test)

แพทย์จะตรวจหาสารภูมิต้านทานหรือแอนติบอดี (Antibodies) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อมีเชื้อโรค สารพิษ หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย โดยแพทย์จะเก็บตัวอย่างน้ำลายภายในช่องปากหรือตัวอย่างเลือดของผู้ป่วย แล้วนำไปตรวจหาสารภูมิต้านทานจำเพาะต่อโรคหัดเยอรมัน ได้แก่ สารภูมิต้านทานชนิดเอ็ม (IgM Antibody) และสารภูมิต้านทานชนิดจี (IgG Antibody)

การตรวจหาสารภูมิต้านทานจำเป็นต้องได้รับการตรวจ 2 ครั้ง โดยตรวจครั้งแรกเมื่อมีอาการ และตรวจอีกครั้งหลังจากการตรวจครั้งแรกประมาณ 2–3 สัปดาห์ ซึ่งผลการตรวจหาสารภูมิต้านทานจะแตกต่างกันออกไป และสามารถวินิจฉัยโรคได้ดังนี้

    หากตรวจไม่พบสารภูมิต้านทานชนิดจี แสดงว่าบุคคลนั้นมีแนวโน้มว่าไม่เคยได้รับเชื้อไวรัสหรือเคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันแต่ไม่สามารถป้องกันเชื้อได้
    หากตรวจพบสารภูมิต้านทานชนิดจี แต่ไม่พบสารภูมิต้านทานชนิดเอ็ม แสดงว่าผู้ป่วยเคยติดเชื้อไวรัสหรือเคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันมาก่อน
    หากตรวจพบสารภูมิต้านทานชนิดเอ็ม โดยอาจพบสารภูมิต้านทานชนิดจีหรือไม่พบก็ได้ แสดงว่าเกิดการติดเชื้อไวรัสขึ้นมาใหม่ ซึ่งระดับของโปรตีนชนิดนี้จะเพิ่มมากขึ้นในระยะเวลา 7–10 วันหลังการติดเชื้อ และจะค่อย ๆ ลดระดับลง
    ในกรณีที่ตรวจไม่พบสารภูมิต้านทานชนิดใดเลย แสดงว่ายังไม่เคยเกิดการติดเชื้อและยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันมาก่อนเช่นกัน ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในการเกิดโรคขึ้นได้ในอนาคตหากได้รับเชื้อ
    สำหรับทารกแรกเกิด หากตรวจพบสารภูมิต้านทานชนิดเอ็ม แสดงว่าได้รับเชื้อในขณะที่มารดากำลังตั้งครรภ์


การรักษาหัดเยอรมัน

โรคหัดเยอรมันมักมีอาการไม่รุนแรงและจะดีขึ้นเองภายใน 7–10 วัน การรักษาโรคไม่มีวิธีที่เฉพาะเจาะจง แต่จะเน้นรักษาตามอาการเป็นหลัก โดยแพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยดูแลตัวเองที่บ้านเพื่อช่วยบรรเทาอาการ เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและบรรเทาอาการไอ หลีกเลี่ยงในการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ และควรหยุดเรียนหรือหยุดทำงานสักระยะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น

หากมีไข้สูงแพทย์จะแนะนำให้รับประทานยาในกลุ่มยาแก้ปวด เช่น ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) หรือยาไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) เพื่อช่วยลดไข้ บรรเทาอาการปวดหัว และอาการปวดเมื่อยเนื้อตัว แต่ผู้ป่วยที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาแอสไพริน (Aspirin) หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา และหากไข้ยังไม่ลดอาจเช็ดตัวเพื่อช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายร่วมด้วย

หากผู้ป่วยกำลังตั้งครรภ์ แพทย์อาจรักษาด้วยการให้สารภูมิต้านทานที่ชื่อว่าไฮเปอร์ฮีมูน กลอบูลิน (Hyperimmune Globullin) เพื่อต้านเชื้อไวรัสและบรรเทาอาการของโรคให้ดีขึ้น แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่ทารกจะได้รับเชื้อจากมารดาได้ จึงอาจต้องมีการพบแพทย์เป็นระยะควบคู่ไปด้วย


ภาวะแทรกซ้อนของหัดเยอรมัน

โรคหัดเยอรมันไม่ค่อยพบภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เนื่องจากผู้ที่เคยป่วยเป็นโรคหัดเยอรมันแล้วหรือได้รับการฉีดวัคซีนหัด–หัดเยอรมัน–คางทูม (Measles–Mumps–Rubella: MMR) จะทำให้มีภูมิต้านทานโรคนี้ไปตลอดชีวิต

แต่ในบางรายก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ เช่น โรคข้ออักเสบที่นิ้ว ข้อมือ และหัวเข่าที่พบเฉพาะในเพศหญิง การติดเชื้อที่หูจนกลายเป็นหูน้ำหนวก การอักเสบของสมองจนพัฒนาเป็นโรคไข้สมองอักเสบ หรือโรคหัดเยอรมันแต่กำเนิดในทารกเมื่อมารดาติดเชื้อในขณะตั้งครรภ์


โรคหัดเยอรมันแต่กำเนิด (Congenital Rubella Syndrome)

หากทารกได้รับเชื้อหัดเยอรมันจากมารดาผ่านทางกระแสเลือด อาจทำให้ทารกที่คลอดออกมาเกิดความผิดปกติทางร่างกาย เช่น พัฒนาการช้า มีความความบกพร่องทางสติปัญญา หูหนวก เป็นโรคต้อกระจกหรือโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด การทำงานของตับ ม้ามและไขกระดูกมีปัญหา ขนาดศีรษะเล็ก และสมองไม่พัฒนา

ในบางรายอาจมีการพัฒนาความผิดปกติในตอนโตขึ้น เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 1 ภาวะต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนออกมากว่าปกติหรือน้อยผิดปกติ อาการสมองบวมจนอาจทำให้สูญเสียการควบคุมร่างกาย นอกจากนี้ ทารกจะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัดเยอรมันแต่กำเนิดเพิ่มมากขึ้น หากเกิดการติดเชื้อในขณะที่อายุครรภ์น้อย โดยเฉพาะในช่วง 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ดังนี้

    การติดเชื้อในช่วง 10 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ทารกมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัดเยอรมันแต่กำเนิดสูงถึง 90% และมักจะเกิดความผิดปกติในการทำงานหลายส่วนของร่างกาย
    การติดเชื้อในช่วงสัปดาห์ที่ 11–16 ของการตั้งครรภ์ ทารกมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัดเยอรมันแต่กำเนิดลดลงมาอยู่ที่ 10–20% และแนวโน้มในการเกิดความผิดปกติน้อยลง
    การติดเชื้อในช่วงสัปดาห์ที่ 17–20 ของการตั้งครรภ์ ทารกมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัดเยอรมันแต่กำเนิดค่อนข้างน้อย และมีรายงานพบเพียงแค่เกิดอาการหูหนวกเท่านั้น
    การติดเชื้อเกิดหลังสัปดาห์ที่ 20 ของการตั้งครรภ์เป็นต้นไป ทารกจะไม่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัดเยอรมันแต่กำเนิด


การป้องกันหัดเยอรมัน

โรคหัดเยอรมันสามารถป้องกันได้ด้วยการหลีกเลี่ยงในการคลุกคลีกับผู้ป่วย ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อ และควรมีการฉีดวัคซีนหัด–หัดเยอรมัน–คางทูม หรือเรียกสั้น ๆ ว่าวัคซีนรวมเอ็มเอ็มอาร์ (MMR) ตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งการฉีดวัคซีนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงในบางราย เช่น อาการบวมแดงหรือระบมบริเวณที่ฉีด มีไข้ต่ำ ปวดตามข้อ แต่ส่วนใหญ่ไม่อันตรายและอาการจะดีขึ้นภายในไม่กี่วัน

การฉีดวัคซีนรวมเอ็มเอ็มอาร์จะฉีดทั้งหมด 2 เข็ม โดยเริ่มฉีดเข็มแรกเมื่อเด็กมีอายุระหว่าง 9–12 เดือน และฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่อเด็กอายุ 2 ปี 6 เดือน แต่ในบางรายที่มีความเสี่ยงสูง เช่น อยู่ในพื้นที่มีการระบาดของโรค สัมผัสกับโรค หรือต้องเดินทางไปต่างประเทศ

แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนเร็วขึ้นภายในช่วง 6 เดือนแรก และฉีดเข็มที่ 2 ภายในอายุ 2 ปี 6 เดือน แต่ควรเว้นระยะห่างจากเข็มแรกประมาณ 3 เดือน

ผู้ที่วางแผนจะมีบุตรควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันอย่างน้อย 1 เดือนก่อนการตั้งครรภ์ แต่หากไม่ได้รับวัคซีนก่อนการตั้งครรภ์ควรได้รับทดแทนหลังคลอด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคเมื่อเกิดการตั้งครรภ์ในครั้งต่อไป และเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดกับทารกในครรภ์ สำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ควรเข้ารับการตรวจเลือดหรือระบบภูมิคุ้มกันตามนัดฝากครรภ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเฝ้าระวังความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น

แม้ว่าวัคซีนจะเป็นการป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่บุคคลบางกลุ่มควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดวัคซีน เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายขึ้นได้ เช่น ผู้ที่มีอาการแพ้ยาปฏิชีวนะในกลุ่มนีโอมัยซิน (Neomycin) แพ้เจลาติน (Gelatin) ผู้ป่วยโรคมะเร็ง และผู้ที่มีความผิดปกติของเลือด หรืออยู่ในช่วงการรับประทานยาบางชนิดที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

4
งานมอเตอร์เอ็กซ์โปร์ เตรียมพบกับ Ford Ranger Super Duty ที่ผลิตในไทยเพื่อจำหน่ายทั่วโลกในปี 2569

ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ประกาศความพร้อมเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่ ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อส่งมอบสมรรถนะการใช้งานที่เหนือระดับไปอีกขั้นสำหรับลูกค้าที่เกิดมาแกร่งอย่างแท้จริง โดยพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศออสเตรเลีย ปี พ.ศ. 2569
 
ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้ ถือกำเนิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มลูกค้าฟลีต และผู้ประกอบการดัดแปลงรถยนต์ชั้นนำทั่วออสเตรเลีย ในการพัฒนารถกระบะขนาดกลางรุ่นใหม่ที่มาพร้อมสมรรถนะที่เหนือกว่ารถกระบะขนาดกลางทั่วไป

ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้ ได้รับการออกแบบและพัฒนาให้มีสมรรถนะเพิ่มขึ้นทั้งด้านมวลรวมของรถ หรือน้ำหนักรถสูงสุดรวมบรรทุก (Gross Vehicle Mass - GVM) น้ำหนักรถสูงสุดรวมบรรทุกและลากจูง (Gross Combined Mass - GCM) รวมถึงความสามารถในการลากจูง และสมรรถนะออฟโรดที่เหนือระดับ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานตามวัตถุประสงค์ของแต่ละกลุ่มลูกค้า อาทิ หน่วยกู้ภัยฉุกเฉิน เกษตรกร ผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณูปโภค ป่าไม้ เหมืองแร่ ช่างเทคนิคด้านโครงสร้างพื้นฐาน และเพื่อการทำงานด้านอื่นๆ
 
“ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้ ผสานความเป็นเลิศระหว่างฟีเจอร์อัจฉริยะและระบบความปลอดภัยขั้นสูงจากฟอร์ด เรนเจอร์ รถกระบะที่คว้ารางวัลยอดเยี่ยมแห่งปีมาแล้วหลายรางวัลในหลายประเทศ มาพร้อมกับสมรรถนะที่ตอบโจทย์การใช้งานหนัก เพื่อนำเสนอรถกระบะที่ลูกค้าต้องการแต่ยังไม่มีรถรุ่นใดในตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้ ออกแบบให้มีความยืดหยุ่น พร้อมสมรรถนะที่ตอบโจทย์การใช้งานหนักที่ลูกค้าต้องการ  และสร้างความมั่นใจด้วยการรับประกันคุณภาพจากโรงงานฟอร์ด" ซอนดรา ซัตตัน ฟุง ผู้จัดการทั่วไป แบรนด์รถกระบะระดับโลก ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าว
 
ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้ รุ่นใหม่นี้ ได้รับการพัฒนาโดยทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มตลาดนานาชาติของฟอร์ด นำโดยทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,500 คน ทั้งนักออกแบบ วิศวกร และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจากประเทศออสเตรเลีย โดยจะผลิตที่โรงงานในประเทศไทยเพื่อจำหน่ายในตลาดโลก เมื่อเทียบกับรถกระบะขนาดกลางทั่วไป ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้ มอบความสามารถที่เหนือกว่าหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
ลากจูงได้มากขึ้น: รองรับการลากจูงสูงสุด 4,500 กิโลกรัม (เมื่อติดตั้งเบรกที่รถพ่วง)
บรรทุกได้มากขึ้น: น้ำหนักรถสูงสุดรวมบรรทุก (GVM) สูงสุดถึง 4,500 กิโลกรัม
ให้คุณ ‘ทำได้’ มากขึ้น: น้ำหนักรถสูงสุดรวมบรรทุกและลากจูง (GCM) สูงสุดถึง 8,000 กิโลกรัม

5
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ







6
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



7
ตรวจอาการด้วยตนเอง: โรคพยาธิปากขอ (Hook worm disease)

โรคพยาธิปากขอเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อพยาธิปากขอ*ที่อยู่ตามพื้นดิน

โรคนี้พบได้ทุกภาคของประเทศ แต่จะพบในภาคใต้มากกว่าภาคอื่น ๆ มักพบในชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน และเด็ก ๆ ที่เดินเท้าเปล่าบนพื้นดิน หรือในเด็กที่ชอบเล่นคลุกดิน

*วงจรชีวิตของพยาธิปากขอ

พยาธิปากขอ (Ancylostoma duodenale และ Necator americanus) มีขนาดยาวประมาณ 1 ซม. เกาะอาศัยอยู่บนผนังลำไส้ และดูดเลือดจากบริเวณนั้น ไข่พยาธิจะหลุดออกมากับอุจจาระ ซึ่งจะเจริญเติบโตบนพื้นดินที่ชื้นและมีความอุ่น พยาธิตัวอ่อนที่ฟักตัวบนดินจะไชเข้าทางผิวหนังของคนที่เดินผ่านไปมาหรือเด็กที่เล่นคลุกดิน เข้าไปในกระแสเลือด ไปยังหัวใจและปอด จากปอดพยาธิจะเคลื่อนตัวขึ้นมาที่หลอดลมจนถึงคอหอย แล้วจะถูกกลืนลงหลอดอาหารเข้าไปในกระเพาะและลำไส้เล็ก แล้วเจริญเป็นตัวแก่ต่อไปในลำไส้เล็ก นอกจากนี้ ถ้ากินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนพยาธิตัวอ่อนระยะติดต่อ พยาธิอาจไชผ่านเยื่อบุในปากและเข้ากระแสเลือดได้เช่นกัน

วงจรชีวิตพยาธิปากขอ


สาเหตุ

การติดต่อของโรคนี้ เกิดจากพยาธิปากขอตัวอ่อนที่อยู่บนพื้นไชเข้าเท้าของผู้ที่เดินเท้าเปล่า หรือเกิดจากกินพยาธิตัวอ่อนระยะติดต่อที่ปนเปื้อนอาหารหรือน้ำดื่ม

อาการ

เมื่อพยาธิไชเข้าเท้า อาจทำให้มีตุ่มแดงคันที่ผิวหนังในบริเวณนั้น ผู้ป่วยอาจเกาจนเป็นหนอง เมื่อพยาธิเดินทางผ่านปอดใน 1-2 สัปดาห์ต่อมา อาจทำให้มีอาการหลอดลมหรือปอดอักเสบได้

แต่อาการที่พบบ่อย คือ จุกเสียดแน่นที่ยอดอก ปวดท้อง หรือท้องเดิน ถ้ามีจำนวนพยาธิมาก จะทำให้มีอาการซีด มึนงง หน้ามืด อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด และถ้าซีดมาก ๆ อาจทำให้มีอาการบวมหรือหัวใจวายได้

อาการมากน้อยขึ้นกับจำนวนพยาธิที่มีอยู่ในลำไส้ (อาการซีดจะเกิดขึ้นเมื่อมีพยาธิมากกว่า 100 ตัวขึ้นไป) อายุของพยาธิ ความต้านทาน และภาวะทางโภชนาการของผู้ป่วย


ภาวะแทรกซ้อน

ที่พบบ่อย คือ โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก เนื่องจากการเสียเลือดเรื้อรัง หากปล่อยปละละเลยจนมีภาวะโลหิตจางรุนแรง อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจวายได้

อาจทำให้ขาดอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งขาดสารโปรตีน ซึ่งหากขาดโปรตีนรุนแรงอาจทำให้ท้องมาน (มีน้ำในท้อง) ได้

เด็กที่เป็นโรคพยาธิปากขอเรื้อรัง อาจทำให้ร่างกายเจริญเติบโตช้า และสติปัญญาพร่อง เนื่องจากการขาดโปรตีนและธาตุเหล็กเรื้อรัง


การวินิจฉัย

การวินิจฉัยที่แน่ชัด คือ การตรวจอุจจาระจะพบไข่พยาธิ บางรายแพทย์จะทำการตรวจเลือดดูภาวะโลหิตจาง

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

    ให้ยาฆ่าพยาธิ เช่น มีเบนดาโซล หรืออัลเบนดาโซล
    ถ้าซีด ให้กินยาบำรุงโลหิตติดต่อกัน 4-6 เดือน
    ในรายที่มีภาวะหัวใจวายจากภาวะโลหิตจางรุนแรง แพทย์จะรับตัวไว้ในโรงพยาบาล ให้เลือด และให้ยารักษาภาวะหัวใจวาย

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการจุกเสียดแน่นยอดอก ปวดท้อง หรือท้องเดินบ่อย หรือมีอาการอ่อนเพลีย และหน้าตาซีดเซียว ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคพยาธิปากขอ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 1-2 สัปดาห์
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

    ถ่ายอุจจาระลงในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ
    สวมรองเท้าถ้าต้องเดินบนดิน (ไม่เดินเท้าเปล่า)
    หลีกเลี่ยงการเล่นคลุกบนดินทราย
    ดื่มน้ำสุกหรือน้ำสะอาด และกินอาหารที่ปรุงสุกและร้อน

ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยที่มีอาการซีดเนื่องจากภาวะขาดธาตุเหล็ก ถ้าหากอยู่ในพื้นที่ที่มีพยาธิปากขอชุกชุม นอกจากให้ยาบำรุงโลหิตแล้ว ควรให้ยาฆ่าพยาธิปากขอร่วมด้วย

2. ผู้ที่สงสัยว่าเป็นโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็ก ให้ยาบำรุงโลหิตแล้วไม่ทุเลา ควรตรวจหาว่ามีสาเหตุจากอะไร รวมทั้งการตรวจอุจจาระดูว่าเป็นโรคพยาธิปากขอหรือไม่

8
ขายรถป้ายแดง HONDA CIVIC 2.0 e:HEV RS (FE) ปี2022 ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

ฮอนด้า Honda Civic e:HEV RS ปี 2022
HONDA CIVIC e:HEV RS โดดเด่นด้วยกระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม และกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ RS ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อม ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว ภายในเบาะหนังกลับและวัสดุสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต ประตูแบบอัจฉริยะ Honda Smart Key Card

เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน โดยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ ECON Mode Normal Mode และ เพิ่มเติมด้วย Sport Mode และ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 1 พ.ย. - 31 ธ.ค. 2567
ฟรี ประกันหลังการขาย เครื่อง เกียร์ (ส่งซ่อมห้าง) 1 ปี / 10,000 กม.
ฟรี บริการเซ็นเอกสารจัดไฟแนนซ์ถึงบ้านทั่วไทย

ราคาพิเศษ 999,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                 Honda
   รุ่น                      ฮอนด้า Honda Civic e:HEV RS ปี 2022
   ประเภทรถ             รถเก๋ง 4 ประตู, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว             2022


9
รีวิวบ้านใหม่ 2024: เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เปิดตัวโครงการแรก "นีโอ โฮม ระยอง - ราชชุมพล" โครงการบ้านเดี่ยวสุดหรู สไตล์อังกฤษ บนทำเลศักยภาพใจกลางเมืองระยอง

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย บุกทำเลศักยภาพ EEC เปิดตัวโครงการแรกกับ "นีโอ โฮม ระยอง - ราชชุมพล" โครงการบ้านเดี่ยวสุดหรู สไตล์อังกฤษ บนทำเลศักยภาพใจกลางเมืองระยอง ใกล้เซ็นทรัลระยอง สะดวกสบายทุกการเดินทาง เชื่อมต่อถนนหลักได้ถึง 2 สาย ทั้งถนนเลี่ยงเมืองระยองและถนนสุขุมวิท มาพร้อมส่วนกลางที่เติมเต็มความสุขให้ทุกคนในครอบครัว ท่ามกลางสวนสไตล์อังกฤษ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท*
 
นายภวรัญชน์ อุดมศิริ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จังหวัดระยองถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง โดยมี GDP สูงเป็นอันดับสองของประเทศ รองจากกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นหนึ่งใน 3 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจ EEC และมีนิคมอุตสาหกรรมและประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น อีกทั้งยังมีเส้นทางคมนาคมที่หลากหลาย โดยเฉพาะสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาที่ตอนนี้กำลังจะมีโปรเจกต์ในการสร้างส่วนต่อขยาย รวมไปถึงโครงการในอนาคตที่เป็นเมกะโปรเจกต์อย่าง รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2572 จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีความโดดเด่น สำหรับการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายใหม่ของบริษัทฯ ไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ พนักงานบริษัท และนักลงทุน ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์

 "จากปัจจัยบวกต่าง ๆ ทำให้บริษัทฯ ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพในทุกทำเล เพื่อตอบรับความต้องการของผู้อยู่อาศัย และมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าและทุกคนในครอบครัว ผ่านโครงการใหม่ล่าสุดอย่าง "นีโอ โฮม ระยอง - ราชชุมพล" ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวสุดหรูสไตล์อังกฤษ มูลค่าโครงการ 950 ล้านบาท บนพื้นที่โครงการ 39-2-95 ไร่ จำนวน 177 ยูนิต โดยโครงการตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพใจกลางเมืองระยอง สะดวกทุกการเดินทาง สามารถเชื่อมต่อถนนหลักได้ถึง 2 เส้นทาง ทั้งถนนเลี่ยงเมืองระยอง และถนนสุขุมวิท ครบครันไปด้วยแหล่งรวมไลฟ์สไตล์มากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้า, โรงเรียน, โรงพยาบาล และสถานที่สำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เซ็นทรัลระยอง, ศูนย์การค้าแพชชั่น ช้อปปิ้งเดสติเนชั่น, โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง, โรงเรียนอัสสัมชัญระยอง, โรงเรียนเซนต์โยเซฟ ระยอง, โกลบอลเฮ้าส์ ระยอง, หาดแสงจันทร์, นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และสนามบินอู่ตะเภา เป็นต้น
 
โครงการ "นีโอ โฮม ระยอง - ราชชุมพล" ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด "Work and Life Connecting เชื่อมชีวิตงาน และพักผ่อนอย่างมีสไตล์" โดดเด่นด้วยดีไซน์สไตล์อังกฤษ ที่ให้กลิ่นอายความคลาสสิค อบอุ่น และความหรูหราของ Façade มาพร้อมฝ้าเพดานสูงถึง 2.7 เมตร ตกแต่งด้วยปูนปั้น เหล็กดัด และโคมไฟ Down light ทั้งหลัง สามารถเชื่อมต่อชีวิตการทำงานกับการพักผ่อนได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยประกอบด้วยแบบบ้าน 3 แบบ ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 140  - 181 ตารางเมตร
 
แบบบ้าน Sheffield (เชฟฟีลด์) ที่มาพร้อมพื้นที่ใช้สอย 140 ตารางเมตร
ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พื้นที่พักผ่อน พื้นที่รับประทานอาหาร ห้องครัว และที่จอดรถสำหรับ 2 คัน

แบบบ้าน Newcastle (นิวคาสเซิล) ที่มาพร้อมพื้นที่ใช้สอย 155 ตารางเมตร
ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พื้นที่พักผ่อน พื้นที่รับประทานอาหาร Glass House Laundry ห้องครัว และที่จอดรถสำหรับ 2 คัน

แบบบ้าน Winchester (วินเชสเตอร์) ที่มาพร้อมพื้นที่ใช้สอย 181 ตารางเมตร
ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ พื้นที่พักผ่อน พื้นที่รับประทานอาหาร ห้องพระ ห้องทำงาน Glass House Laundry ห้องครัว และที่จอดรถสำหรับ 2 คัน

นอกจากนี้ ยังยกระดับคุณภาพชีวิตที่เหนือกว่าด้วยฟังก์ชันพิเศษเพื่อการอยู่อาศัยที่ครบครันภายในบ้าน อาทิ ห้องพระ, Glass House Laundry ห้องซัก ตาก รีด, ห้องนอนชั้นล่างที่ปรับเปลี่ยนได้, ห้องพักผ่อนชั้นบน, 3 ห้องนอนชั้นบนพร้อมห้องน้ำในตัว เป็นต้น รวมไปถึงคลับเฮาส์อันหรูหรา เป็นเอกลักษณ์ ที่ประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส และสนามเด็กเล่นท่ามกลางสวนสไตล์อังกฤษขนาดใหญ่ ที่เติมเต็มความสุขให้ทุกคนในครอบครัว มาพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยเหนือระดับมาตรฐาน ตั้งแต่บริเวณทางเข้า – ออกโครงการ พร้อมระบบประตูแยกส่วน Residential สำหรับผู้พักอาศัย และ Guest สำหรับแขกผู้มาเยือน พร้อมด้วยกล้องวงจรปิด CCTV ครอบคลุมทั่วโครงการ, ระบบอ่านป้ายทะเบียน ตลอดจนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง" นายภวรัญชน์ กล่าว
 

10
ซ่อมบำรุงอาคาร: แอร์อินเวอร์เตอร์ ว่าประหยัดได้มากกว่าจริงหรือไม่

การเลือกซื้อแอร์อย่างไรให้คุ้มค่าและประหยัดไฟ เป็นคำถามที่พบบ่อยสำหรับคนที่กำลังเลือกซื้อแอร์ใหม่ แอร์ยี่ห้อดัง ๆ ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน และเลือกตัวแทนจำหน่ายเครื่องปรับอากาศที่น่าเชื่อถือก็สามารถทำให้เรามั่นใจได้ระดับหนึ่ง ทั้งนี้ แอร์ทุกยี่ห้อทุกรุ่นก็มีข้อดี มีจุดเด่น และประสิทธิภาพที่ต่างกันไป จึงควรพิจารณาหลาย ๆ ด้านก่อนตัดสินใจ ควรเลือกซื้อแอร์ให้ตรงกับความต้องการใช้งาน ให้คุ้มค่า และประหยัดไฟมากที่สุด


สำหรับการเลือกซื้อแอร์นั้น อีกสิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือ ขนาดของห้อง เพราะเมื่อเราทราบขนาดของห้องที่ชัดเจน จะทำให้ง่ายต่อการเลือกขนาดของแอร์ และ การคิดค่า BTU  เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานและช่วยประหยัดพลังงาน BTU  คือ ขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ ซึ่ง 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง ดังนั้น การเลือก BTU ย่อมมีความสำคัญ เพราะจะเกี่ยวเนื่องกับการประหยัดพลังและอายุการใช้งานของแอร์ด้วย


นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงความประหยัดด้วย ควรเลือกสินค้าที่ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5  เพราะนั้นหมายถึง คุณภาพในการใช้พลังงานที่คุ้มค่าที่สุด ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานและประหยัดค่าใช้จ่ายได้ หลายคนคงเคยรู้้จักแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ และอาจจะทราบดีว่า แอร์อินเวอร์เตอร์นั้น มีจุดเด่นก็คือ สามารถประหยัดพลังงานได้ ทำให้ไม่เปลืองไฟแม้เปิดเป็นเวลานาน เพราะแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์นี้ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องและยาวนาน ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงประเด้นของแอร์อินเวอร์เตอร์ ว่าประหยัดได้มากกว่าจริงหรือไม่
 
ต้องบอกเลยว่า หากเราอยากมอในเรื่องของความประหยัดพลังงานไฟฟ้าหรือวิธีประหยัดค่าไฟ แอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำงานด้วย ระบบอินเวอร์เตอร์ จะช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าระบบทั่วไปถึง 20-30% เนื่องจากระบบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ไม่ได้ถูกตัดบ่อยครั้ง หรือรีเซ็ตระบบใหม่ เมื่ออุณหภูมิถึงความเย็นที่กำหนดไว้ แต่จะเป็นการลดรอบของมอเตอร์เมื่ออุณหภูมิคงที่หรือการไม่ตัดสตาร์ทใหม่ของมอเตอร์แทน ทำให้ไฟไม่กระชากและด้วยระบบการทำงานด้วยวิธีการลดรอบของมอเตอร์ จึงทำให้ แอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ มีความเงียบมากกว่าแอร์ระบบธรรมดาทั่วไป ที่ต้องรีเซ็ตการทำงานใหม่เมื่อมีการปรับระดับอุณหภูมิภายในห้อง

 
ทำให้เกิดเสียงดังระหว่างการใช้งาน หรือแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง ตู้เย็น และ เครื่องซักผ้า ระบบอินเวอร์เตอร์ ที่มอเตอร์ทำงานจะมีความเงียบ ไม่มีเสียงตัดรอบการสตาร์ทใหม่ สังเกตได้จากตู้เย็นที่จะมีเสียงตัดบ่อย ๆ เมื่อความเย็นไม่คงที่ ส่วน ระบบอินเวอร์เตอร์ในเครื่องซักผ้าจะให้ความเงียบและซักผ้าได้เร็วขึ้นกว่าระบบทั่วไป เพราะมอเตอร์ทำงานต่อเนื่อง การไม่ตัดแล้วสตาร์ทใหม่ของมอเตอร์จึงช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้นนั่นเอง


อย่างไรก็ตาม เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีระบบอินเวอร์เตอร์ แม้จะมีราคาที่สูงกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป แต่เมื่อเปรียบเทียบความประหยัด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระหว่างการใช้งานแล้วจะเห็นว่าเป็นส่วนต่างที่เสียไปสามารถคุ้มทุนความประหยัดได้ภายใน 2 ปี ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปจะใช้เวลาคุ้มทุนนานถึง 10-15 ปีเลยทีเดียว ซึ่งถือว่า อินเวอร์เตอร์ เรียกได้ว่า เป็นเทคโนโลยีที่สามารถปรับเพิ่มหรือลดความเร็วรอบของคอมเพรสเซอร์ได้ตามอุณหภูมิห้อง ก็ช่วยทำให้ประหยัดพลังงานได้มากกว่าแอร์ธรรมดาได้อย่างแน่นอนแถมให้อุณหภูมิที่คงที่มากกว่า


ทำให้คุณสะดวกสบายและช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ แอร์ที่เราใช้งานในทุกๆวันจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ 50% และการติดตั้งอีก 50% ดังนั้น ช่างติดตั้งเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญมาก ควรเลือกช่างติดตั้งที่ได้รับการอบรมด้านการติดตั้งและบำรุงรักษาแอร์โดยตรงเพื่อให้แน่ใจว่าได้รับการติดตั้งที่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงต้องบอกถึงการบริการ  แน่นอนว่าไม่มีใครอยากใช้การบริการหลังการขายเพราะนั่นหมายความแอร์ของคุณมีปัญหา แต่ก็ต้องมองถึงเรื่องของการรับประกันเพื่อให้มั่นใจว่า หากแอร์มีปัญหาจะสามารถซ่อมแซ่มหรือแก้ไขปัญหาได้ทันที

 
อย่างไรก็ตาม หากคุณอยากที่จะตรวจสอบหรือเช็คระบบแอร์โดยช่างที่มีความเชี่ยวชาญ  สามารถขอรายละเอียดได้จากทางเรามีบริการดูแลระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศภายในอาคาร ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก  เพราะนั่นหมายถึงอากาศที่ดีที่เราสูดดมเข้าไป ถ้าหากเรามีระบบเครื่องปรับอากาศที่ไม่สะอาดแล้ว อาจจะทำให้เราเสียสุขภาพไปด้วย

11
พฤติกรรมที่ทำให้เด็กเกิดฟันผุ จนอาจต้องเข้ารับการจัดฟันเด็ก

สุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก เป็นสิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรเอาใจใส่ตั้งแต่ลูกยังเป็นทารก เพราะการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันจะทำให้เด็กมีสุขภาพฟันที่ดี มีฟันที่แข็งแรงไม่เกิดฟันผุ เพราะขณะที่เด็กมีฟันน้ำนม ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดฟันผุได้ง่ายและเด็กในวัยนี้ยังมีพฤติกรรมที่ชอบรับประทานอาหารจุกจิกหรือรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นขนมหวาน ลูกอม รวมไปถึงน้ำอัดลม ซึ่งอาหารเหล่านี้ถือว่าเป็นศัตรูกับฟันของเราเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ดูแลในเรื่องของโภชนาการของเด็ก ก็อาจจะทำให้เด็กเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันตามมาได้ และเด็กที่อยู่ในช่วงของฟันน้ำนมนั้น พ่อแม่อย่าคิดว่าไม่สำคัญ เพราะฟันน้ำนมของเด็ก ถ้าหากว่าหลุดก่อนเวลาอันควรอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อการขึ้นของฟันแท้ในอนาคตได้ อาจจะทำให้เด็กมีฟันแท้หายนั่นก็คือ ฟันไม่สามารถงอกขึ้นมาได้ทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อดึงฟันที่หายให้ออกมา

ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟันในเด็ก ทันตแพทย์จะทำการผ่าตัดและติดตั้งเครื่องมือจัดฟันเพื่อให้ฟันที่ฝังอยู่เคลื่อนตัวออกมา ซึ่งก็ใช้ระยะเวลานานพอสมควร ดังนั้น ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองไม่อยากให้เด็กมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อย ก็ควรพาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละสองครั้ง เพื่อทำการตรวจช่องปากและฟันว่ามีปัญหาด้านใดบ้าง เพื่อที่จะได้รีบแก้ไขได้ทันเวลา แต่อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะสังเกตพฤติกรรมของเด็กที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคเกี่ยวกับช่องปากและฟันด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมา และในวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เด็กเกิดฝันผุ ซึ่งถือว่าในส่วนนี้พ่อแม่ผู้ปกครองจะมีบทบาทสำคัญในการดูแลมากกว่าทันตแพทย์ ควรที่จะสังเกตอาการเพื่อไม่ให้เด็กเกิดฟันผุจนถึงขั้นสูญเสียฟันและอาจจะต้องเข้ารับการจัดฟันในเด็ก

ก่อนอื่นเราจะต้องบอกกก่อนว่า การเกิดฟันผุในเด็กนั้น ถือว่ามีผลกระทบของโรคฟันผุในเด็กมีผลต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพช่องปากในอนาคตได้ การมีฟันน้ำนมผุ เด็กจะปวดฟัน เคี้ยวอาหารไม่ได้ ร่างกายจะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ส่งผลต่อการเจริญเติบโต อีกทั้งอาการปวดฟันยังส่งผลต่อการนอนหลับและการเรียนรู้ สิ่งเหล่านี้ล้วนกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเด็กตัวเล็กๆ สามารถขัดขวางพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์และสติปัญญาได้นั่นเอง สำหรับพฤติกรรมหรือปัจจัยที่ทำให้เด็กเกิดฟันผุ อย่างแรกเลยยคือ อาหารที่เด็กรับประทานเข้าไป ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของแป้งและน้ำตาลอยู่แทบทุกอย่าง ตั้งแต่นม ขนมอบกรอบ ขนมหวาน น้ำอัดลม ซึ่งแป้งและน้ำตาลเหล่านี้จะเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของแบคทีเรียที่พร้อมจะทำปฏิกิริยากับน้ำตาลเหล่านี้ให้เป็นกรดที่พร้อมจะทำลายผิวฟันไปทีละนิดจนลุกลามไปเรื่อยๆ   

หากไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหาร และเด็กก็ไม่ได้รับการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันได้ดีเท่าที่ควร รวมไปถึงพฤติกรรมในวัยเด็ก เช่น การที่เด็กนอนหลับคาขวดนม ทำให้น้ำตาลที่อยู่ในนม สามารถเข้าไปทำลายเคลือบฟันของเด็กได้ เพราะคราบจุลินทรีย์จะย่อยน้ำตาลในนมที่ค้างอยู่บนผิวฟัน ทำให้เกิดการสะสมของกรด ละลายผิวฟันเป็นรู นอกจากนี้ การรับประทานขนมตามใจชอบ แล้วไม่ยอมแปรงฟันนั่นเอง ถือเป้นต้นเหตุของการเกิดฟันผุเลย เพราะฉะนั้น สิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะทำก็คือ ควรฝึกให้เด็กทารกเข้านอนโดยไม่มีนิสัยติดขวดนม ดูแลเรื่องของการรับประทานอาหาร งดขนม อาหารรสหวาน ควรเลือกอาหารว่างที่มีประโยชน์ ให้เด็กบ้วนปากหลังดื่มนม รับประทานขนม หรือหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง ที่สำคัญควรให้เด็กแปรงฟันให้ลูกด้วยยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์ วันละ 2 ครั้ง และพาเด็กไปพบทันตแพทย์ ตรวจฟันเป็นประจำ เพื่อจะได้รับความรู้และแนวทางปฏิบัติในการดูแลสุขภาพในช่องปากอย่างถูกต้อง

 หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตหลานของท่านเข้ารับการตรวจฟัน หรือเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแทพย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมในเด็ก รวมไปถึงมีประสบการณ์ยาวนานด้านการจัดฟัน จึงสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเกิดฟันผุตั้งแต่อายุยังน้อย ลดปัญหาการเกิดความผิดปกติของช่องปากและฟัน เพื่อให้เด็กได้สามารถใช้ชีวิตประจำวันหรือทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างเต็มที่

12
เที่ยววัด ไหว้พระ 10 วัด กรุงเทพฯ เสริมบุญบารมีต้อนรับสิ่งใหม่ ๆ

ชวนไหว้พระ 10 วัดรอบกรุงเทพฯ เป็นวัดที่อยู่ใกล้กับสนามหลวง สามารถจัดทริปไหว้พระ 10 วัดกรุงเทพฯ ใน 1 วันได้ เป็นที่เที่ยวกรุงเทพฯ ดี ๆ ที่สามารถเที่ยวกันได้ทั้งครอบครัว

          สำหรับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ใคร ๆ ก็อยากที่จะหาสิ่งดี ๆ ให้กับตัวเอง การไปไหว้พระตามวัดสำคัญต่าง ๆ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีทีเดียวค่ะ วันนี้เราจึงได้รวบรวม 10 วัดใกล้สนามหลวงมาฝากกัน เพื่อให้สามารถจัดทริปไหว้พระ 10 วัด ในกรุงเทพฯ ได้แบบสบาย ๆ ไปดูกันค่ะว่าจะมีที่ไหนบ้าง


1. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

          วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว เป็นวัดที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร ด้วยเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) พระคู่บ้านคู่เมืองของเมืองไทย สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2325 พร้อมกับการสร้างพระบรมมหาราชวังและกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

          นอกจากพระแก้วมรกตแล้ว ภายในยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และสถานที่ต่าง ๆ อันมีสถาปัตยกรรมที่งดงามให้ได้เที่ยวชมอีกมากมาย เช่น พระอุโบสถ, ศาลาราย, พระศรีรัตนเจดีย์, ปราสาทพระเทพบิดร หรือพระพุทธปรางค์ปราสาท, พระมณฑป, หอมณเฑียรธรรม, หอคันธารราษฎร์, หอพระนาก, พระวิหารยอด, นครวัดจำลอง, พระโพธิธาตุพิมาน, พระบรมราชานุสาวรีย์ประจำรัชกาล, พระอัษฎามหาเจดีย์ หรือพระปรางค์แปดองค์, พระมณฑปยอดปรางค์ และหอระฆัง เป็นต้น

          วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักพระราชวัง โทรศัพท์ 0 2623 5500 ต่อ 3100


2. วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

          วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ตั้งอยู่บริเวณถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ถือได้ว่าเป็นอีกวัดที่สำคัญของกรุงเทพฯ ด้วยมีพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์เคยมาผนวชอยู่ที่นี่ แต่เดิมวัดแห่งนี้มีชื่อว่า "วัดใหม่" โดยเมื่อปี พ.ศ. 2379 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงอาราธนาสมเด็จพระอนุราชาธิราช เจ้าฟ้ามงกุฎฯ (ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4) ซึ่งทรงผนวชเป็นพระภิกษุประทับอยู่วัดสมอราย (คือวัดราชาธิวาสในปัจจุบัน) เสด็จมาอยู่ครอง และสมเด็จพระอนุราชาธิราชเจ้าฟ้ามงกุฎฯ ก็ทรงได้ปรับปรุงวางหลักเกณฑ์ความประพฤติปฏิบัติของพระสงฆ์ให้เป็นไปโดยถูกต้องตามพระธรรมวินัย

          ปัจจุบันวัดบวรนิเวศราชวรวิหารเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมสถาปัตยกรรมของอาคารต่าง ๆ พร้อมทั้งไหว้พระขอพร โดยมีสิ่งที่น่าสนใจ เช่น พระอุโบสถ, พระเจดีย์ใหญ่, วิหารพระศาสดา, พระตำหนักเพชร, พระตำหนักจันทร์, หอระฆัง, หอไตร และพระตำหนักใหญ่ เป็นต้น

          ทั้งนี้วัดบวรนิเวศราชวรวิหารยังเป็น 1 ใน 2 วัด ที่เป็นสถานที่เก็บพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งได้มีการบรรจุพระบรมราชสรีรางคารไว้ที่ฐานของพระพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ ภายในพระอุโบสถ โดยมีการเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะด้วย


3. วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร

          วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เป็นวัดประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2412 โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรม ซึ่งมีการผสมผสานทั้งสถาปัตยกรรมไทยและตะวันตกเข้าด้วยกัน จนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธอังคีรส พระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงาม ประดิษฐานอยู่บนฐานของชุกชีหินอ่อนจากอิตาลี นอกจากนี้วัดแห่งนี้ยังเป็นวัดประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 อีกด้วย เพราะพระองค์ได้รับพระราชภาระในการทำนุบำรุงและบูรณปฏิสังขรณ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหารจึงเปรียบเสมือนวัดประจำพระองค์เช่นกัน

          ปัจจุบันวัดแห่งนี้มีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร มีสิ่งที่น่าสนใจ อาทิ พระเจดีย์, พระอุโบสถ, พระระเบียงหรือพระวิหารคด, พระวิหาร, วิหารทิศหรือวิหารมุข, ศาลาราย, หอระฆังและหอกลอง เป็นต้น

          และที่สำคัญยังเป็น 1 ใน 2 วัด ที่เป็นสถานที่เก็บพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งได้บรรจุพระบรมราชสรีรางคารไว้ที่ถ้ำศิลาใต้ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส ภายในพระอุโบสถ เปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะทุกวัน ในเวลา 08.00-10.00 น. และ 16.00-18.30 น.


4. วัดอรุณราชวราราม

          วัดที่มีชื่อเสียงของเมืองไทย นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางมาเที่ยวกรุงเทพฯ ต่างต้องแวะไปเที่ยวชมวัดอรุณฯ กันสักครั้ง วัดแห่งนี้ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับฝั่งของพระบรมมหาราชวัง เป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมมีชื่อว่า วัดมะกอก ต่อมาสมัยพระเจ้าตากสินมหาราชได้โปรดย้ายราชธานีมาตั้งที่กรุงธนบุรี และได้มีการล่องเรือมาจนสว่างที่นี่ จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดแจ้ง จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ก็ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ และพระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม ต่อมาสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ก็มีการบูรณปฏิสังขรณ์เพิ่มอีก และเปลี่ยนชื่อเป็น วัดอรุณราชวราราม

          ปัจจุบันวัดแห่งนี้มีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร มีสัญลักษณ์สำคัญ คือ พระปรางค์ ซึ่งมีลักษณะทรงขอม องค์พระปรางค์ประธานสูงถึง 81.85 เมตร ประดับด้วยชิ้นเปลือกหอย กระเบื้องเคลือบ จานชามเบญจรงค์สีต่าง ๆ อย่างสวยงาม เปิดให้พุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวได้เข้าไปเที่ยวชมและกราบไหว้ขอพรทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.30-17.30 น.


5. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

          วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระบรมมหาราชวัง ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งแรกโดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โดยได้มีการก่อสร้างใหม่ในปี พ.ศ. 2332 และได้เปลี่ยนจากชื่อ วัดโพธาราม เป็น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ก็ได้ทรงเปลี่ยนสร้อยนามใหม่เป็น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

          การบูรณปฏิสังขรณ์ที่สำคัญอีกช่วงหนึ่งคือสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้มีการสร้างปูชนียวัตถุและปูชนียสถานเพิ่มเติม และขยายอาคารบางหลังให้ใหญ่ขึ้น มีนายช่างจากหลากหลายแขนงมาช่วยกันทำงานด้านศิลปกรรม จนมีความสง่างามมาจนถึงปัจจุบัน

          ปัจจุบันวัดแห่งนี้มีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร มีสิ่งที่น่าสนใจภายในวัด เช่น พระวิหารพระพุทธไสยาส, พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล, พระอุโบสถ, พระมณฑป, พระระเบียง, พระวิหารทิศ, พระวิหารคด และศาลาการเปรียญ เป็นต้น


6. วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร

          เป็นอีกสัญลักษณ์สำคัญของไทยที่เรามักจะเห็นติดไปกับภาพของเสาชิงช้า โดยวัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนตีทองและถนนบำรุงเมือง หน้าวัดหันออกทางถนนอุณากรรณ สร้างโดยพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระองค์พระราชทานนามว่า "วัดมหาสุทธาวาส" แต่พระวิหารที่มีการสร้างใหม่ยังไม่ทันเสร็จก็สิ้นรัชกาลเสียก่อน ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดให้ทำการบูรณะสร้างพระวิหารจนสำเร็จแล้ว โปรดให้สร้างพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ สัตตมหาสถาน และสร้างกุฏิสำนักสงฆ์ประดิษฐานสังฆาราม จากนั้นพระราชทานนามว่า "วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร"

          ภายในวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และได้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์มาบรรจุที่ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์พระศรีศากยมุนีด้วย

          ปัจจุบันวัดแห่งนี้มีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย อาทิ พระอุโบสถ, พระวิหาร, พระวิหารคด หรือพระระเบียง, ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช, ศาลาวิหารทิศ และหอระฆัง เป็นต้น


7. วัดราชนัดดารามวรวิหาร

          วัดที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยเป็นที่ตั้งของโลหะปราสาท ซึ่งมีหลงเหลือเพียงแห่งเดียวของโลกเท่านั้น วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ซึ่งพระองค์ทรงทรงสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติแก่พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าหญิงโสมนัสวัฒนาวดี จึงทรงพระราชทานนามว่าวัดราชนัดดาราม เมื่อปี พ.ศ. 2386 ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากมาย อาทิ พระอุโบสถ,  พระวิหาร, ศาลาการเปรียญ, กำแพงแก้วและศาลาราย, หอระฆัง, เขาพระฉาย ฯลฯ

          และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ "โลหะปราสาท" พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2389 มีการจำลองแบบมาจากประเทศศรีลังกา มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีสถาปัตยกรรมแบบไทย เป็นอาคาร 7 ชั้น ลดหลั่นความกว้างกันลงมา อาคารชั้นล่าง ชั้นที่ 3 และชั้นที่ 5 เป็นคูหาและระเบียงรอบ ส่วนชั้นที่ 2 ชั้นที่ 4 และชั้นที่ 6 ทำเป็นคูหาจตุรมุขมียอดเป็นบุษบกชั้นละ 12 ยอด และชั้นที่ 7 เป็นยอดปราสาทจตุรมุขสำหรับประดิษฐานพระบรมธาตุ รวมเป็น 37 ยอด แต่ละชั้นจะมีบันไดวนตรงกลางปราสาทให้เดินขึ้นไป

          ปัจจุบันวัดแห่งนี้มีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 2224 8807


8. วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร

          เป็นวัดที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ อาทิ พระราชวังดุสิต พระที่นั่งอนันตสมาคม พระตำหนักจิตลดารโหฐาน สวนสัตว์ดุสิต และทำเนียบรัฐบาล โดยจะตั้งอยู่บนถนนนครปฐมติดคลองเปรมประชากร เป็นอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร

          ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ช่วงปี พ.ศ. 2369 ได้เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพนมวัน กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ (ต้นราชสกุลพนมวัน) พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ได้รับการโปรดเกล้าจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เป็นแม่ทัพรักษาพระนคร พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพนมวัน กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ ได้ทรงตั้งกองบัญชาการทัพที่วัดแหลม (วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามในปัจจุบัน) และเมื่อได้ปราบกบฏเรียบร้อยแล้ว จึงร่วมกันปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้พร้อมพระอนุชาและพระขนิษฐาร่วมเจ้าจอมมารดาเดียวกันอีก 4 พระองค์

          ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า "วัดเบญจบพิตร" ซึ่งหมายถึงวัดของเจ้านาย 5 พระองค์ จนปี พ.ศ. 2443 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้โปรดให้เพิ่มสร้อยต่อท้ายเป็น "วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม"

          ภายในวัดมีสิ่งสำคัญมากมาย อาทิ พระอุโบสถ, พระพุทธชินราช, พระระเบียง, ศาลาหน้าพระอุโบสถ, ต้นพระศรีมหาโพธิ และศาลาอุรุพงษ์ เป็นต้น


9. วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

          วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือวัดภูเขาทอง แลนด์มาร์กที่สำคัญอีกหนึ่งแห่งของกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ริมคลองมหานาค และคลองรอบกรุง แขวงบ้านบาตรตัดกับคลองบางลำพู เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นวัดเก่าแก่ สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมชื่อ วัดสระแก และได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดสระเกศ โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม และพระราชทานนามเสียใหม่

          สิ่งที่โดดเด่นมากของวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ก็คือ "พระบรมบรรพต" โดยได้เริ่มสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และแล้วเสร็จในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งสูงประมาณ 77 เมตร ด้านบนสุดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ


10. วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร

          อีกวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามของเมืองไทย ตั้งอยู่ไม่ไกลจากพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นพระอารามหลวงของพระมหากษัตริย์ตามโบราณราชประเพณี

          ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถ, หอไตร, หอพระจอม, ศาลาทรงไทย และหอระฆัง ฯลฯ และสิ่งที่ห้ามพลาด ก็คือ "ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระวิหารหลวง" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชพิธีสิบสองเดือน นอกจากนี้ในวิหารยังมีภาพสุริยุปราคาในสมัยรัชกาลที่ 4 และพระประธาน "พระพุทธสิหังคปฏิมากร ปางสมาธิ" โดยมีพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอยู่ภายในพระพุทธอาสน์ของพระประธานองค์นี้ด้วย

13
มอเตอร์เอ็กซ์โปร์ Nissan GT-R รุ่นต่อไปจะเป็นไฟฟ้า ใช้แบตเตอรี่ Solid-State พร้อมกำลังกว่า 1,300 แรงม้า!

Nissan GT-R รถในตำนานของนิสสัน รุ่นต่อไปเตรียมใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือ จะมาพร้อมแบตเตอรี่ Solid-State ซึ่งนิสสันระบุว่าจะช่วยให้ GT-R มีสมรรถนะที่เหนือกว่าเดิม

 
Nissan Hyper Force EV concept คือ GT-R รุ่นต่อไป?
 
เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว Nissan เปิดตัว Hyper Force EV concept หนึ่งในรถต้นแบบไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะเป็น GT-R รุ่นต่อไป
 
Nissan เคลมว่ารถสปอร์ตไฟฟ้าคันนี้จะเป็น “ไฮเปอร์ EV ที่เปลี่ยนเกม” ด้วยกำลังมากกว่า 1,300 แรงม้า (1,000 kW) หรือ 1 เมกะวัตต์ (MW) เลยทีเดียว เมื่อเทียบกับรถสปอร์ตไฟฟ้าอย่าง Porsche Taycan Turbo GT ปอร์เช่ไฟฟ้ารุ่นแรงสุด สามารถให้กำลังสูงสุดที่ 1,034 แรงม้า (PS) เท่านั้น
 
กำลังทั้งหมดของรถมาจากระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าใหม่ ที่จับคู่กับแบตเตอรี่โซลิดสเตท โดยดีไซน์ภายนอกของ GT-R รุ่นต่อไปนั้น Nissan พัฒนาร่วมกับทีม NISMO เพื่อเพิ่มแอดรไดนามิกส์ให้ดีที่สุด เราจะเห็นตัวรีดอากาศและดิฟฟิวเซอร์หลัง ซึ่งช่วยให้รถมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

 
แบตเตอรี่ Solid-State เหมาะกับรถสปอร์ตอย่างไร?
 
Ivan Espinosa รองประธานฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ระดับโลกของ Nissan กล่าวกับ Autocar เกี่ยวกับคำถามถึงเรื่องการใช้แบตเตอรี่ Soild-State ว่า “คุณสามารถนำไปใช้กับรถสปอร์ตได้อย่างง่ายดาย”
 
เขาอธิบายต่อไปว่า แบตเตอรี่ Solid-State เหมาะกับรถสปอร์ตไฟฟ้าตรงที่ สามารถบรรจุพลังงานได้มาก โดยใช้พื้นที่เพียงครึ่งหนึ่งของแบตเตอรี่ทั่วไป

 
Nissan เผยว่า GT-R ไฟฟ้า จะใช้แบตเตอรี่ Solid-State
 
Espinosa เผยเป็นนัยว่า GT-R ไฟฟ้ารุ่นต่อไป จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เปิดตัวพร้อมแบตเตอรี่โซลิดสเตท ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

แม้ว่า Nissan จะไม่ได้ประกาศเกี่ยวกับสปอร์ตคาร์ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ แต่เราก็พอจะเห็น โลโก้ “GT-R” ในรถต้นแบบ Hyper Force EV อยู่ และรถคันนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนสี่ล้อ  e-4ORCE ซึ่งช่วยเพิ่มการควบคุมบนสนามแข่งและทางที่คดเคี้ยว
 

GT-R ไฟฟ้า อาจเปิดตัวในปี 2028
 
สำหรับ GT-R R35 ก๊อตซิลล่ารุ่นล่าสุด ได้ทำตลาดมายาวนานกว่า 17 ปี และเลิกผลิตไปเมื่อไม่นานมานี้ อย่างไรก็ตาม GT-R รุ่นถัดไปที่เป็นไฟฟ้าอาจไม่ได้เปิดตัวเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากว่า Nissan จะเปิดตัว EV ที่ใช้แบตเตอรี่ soild-state ภายในปี 2028
 

แบตเตอรี่ Soild-State คือตัวเปลี่ยนเกม
 
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Nissan โชว์ให้เราเห็นถึงไลน์การผลิตนำร่อง ของแบตเตอรี่ Soild-State ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตัวเปลี่ยนเกมเทคโนโลยีเลยทีเดียว เพราะตั้งใจให้มีความสามารถในการบรรจุพลังงานได้หนาแน่นกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนทั่วไปถึง 2 เท่า ซึ่งช่วยเพิ่มสมรรถนะของรถแถมลดเวลาชาร์จได้อีกด้วย
 
Espinosa กล่าวว่า “ในช่วงแรก ต้นทุนอาจจะสูง” แต่เขาคาดว่าต้นทุนจะลดลงตามเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น และกล่าวเสริมว่า “ด้วยความหนาแน่นของพลังงานที่มากกว่า คุณจะใช้วัสดุต่อแบตเตอรี่หนึ่งก้อนที่น้อยลง เพื่อส่งมอบพลังงานเท่ากัน ดังนั้นต้นทุนโดยรวมควรที่จะแข่งขันได้”
 
นอกจากนี้ Nissan ยังวางแผนที่จะใช้แบตเตอรี่ Solid-State ในรถหลากหลายรุ่น ซึ่งรวมถึง รถกระบะ ด้วย

14
ลงขายฟรี เบอร์ดลงโพสต์ฟรี / วีโว่ vivo V23 5G (12GB/256GB)
« เมื่อ: วันที่ 13 พฤศจิกายน 2024, 20:23:58 น. »
วีโว่ vivo V23 5G (12GB/256GB)
17,999 บาท

วีโว่ vivo V23 5G (12GB/256GB)
vivo V23 5G มาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ ความจุแบตเตอรี่ 4200mAh รองรับ Fast charging 44W

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น            วีโว่ vivo V23 5G (12GB/256GB)
   ราคากลาง         17,999 บาท
   จำนวนซิม          2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์          จอสัมผัส
   สี                   Gold(Sunshine Gold), Black(Stardust Black)

   ความถี่-เครือข่าย
2G(GSM 850 / 900 / 1800 / 1900)
3G(HSDPA 850 / 900 / 1700(AWS) / 1900 / 2100)
4G(1, 2, 3, 4, 5, 8, 18, 19, 26, 38, 39, 40, 41)
5G(1, 3, 38, 40, 41, 77, 78)

   ขนาด-น้ำหนัก                   ยาว 157.2 x กว้าง 72.4 x หนา 7.4 มม., น้ำหนัก 179 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)   256 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด     -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ       ความจุแบตเตอรี่ 4,200 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ                จอสัมผัส (Amoled)
   ความละเอียด         6.44 นิ้ว, 409 ppi, 1,080 x 2,400 px

   รายละเอียดอื่น
กล้องหลัง 3 เลนส์ เลนส์หลัก 64 MP, f/1.9 + เลนส์ ultrawide 8 MP, f/2.2 + เลนส์ macro 2 MP, f/2.4
ระบบปฏิบัติการ Android 12
ประมวลผลชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 920 5G
มีระบบเซนเซอร์ Fingerprint (under display, optical), accelerometer, gyro, proximity, compass
รองรับ Fast charging 44W

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                 กล้องหลัง (64 Mpx), กล้องหน้า (50 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                            Auto Focus, Flash, เซนเซอร์รับภาพ

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)            Octa-core (2x2.5 GHz Cortex-A78 & 6x2.0 GHz Cortex-A55)
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)    Mali-G68 MC4
   หน่วยความจำ (RAM)               12.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก               USB(Type-C, USB On-The-Go), Bluetooth(5.2, A2DP, LE, aptX HD), NFC, Wi-Fi(802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot)
   ระบบรับส่งข้อความ                 SMS, MMS, EMAIL, PUSH MAIL
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต             3G, GPRS, EDGE, WiFi, 4G, 5G
   ระบบ GPS                        A-GPS, GLONASS, BDS, GALILEO, QZSS, NavIC

15
อาหารสุขภาพช่วยบำรุงผิว ผมและเล็บ บำรุงให้สวย จากภายในสู่ภายนอก

ผิวกระจ่างใส ผมดกดำมีประกายแวววาว และเล็บแข็งแรงไม่ได้เป็นเพียงตัวบ่งชี้ความงามภายนอกเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงสุขภาพภายในของเราด้วยค่ะ แม้ว่ากิจวัตรการดูแลผิว ผมและเล็บจะเป็นสิ่งที่สำคัญและผู้หญิงหลาย ๆ คนก็เลือกที่จะทำเป็นประจำอยู่แล้ว แต่พื้นฐานของการมีผิวเปล่งประกาย เส้นผมที่ดกดำ และเล็บที่มีสุขภาพดีนั้น มักขึ้นอยู่กับสารอาหารที่เรากินเข้าไป การกินอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารจะให้วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นซึ่งช่วยให้เรามีสุขภาพผิวที่ดีจากภายในสู่ภายนอก

5 อาหารช่วยบำรุงผิว ผมและเล็บ

1. เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน

     องค์ประกอบพื้นฐานประการหนึ่งของผมและเล็บที่แข็งแรงคือโปรตีน ดังนั้นการรับประทานเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เนื้อปลา ไข่ ผลิตภัณฑ์นม ถั่วและพืชตระกูลถั่ว จึงทำให้ร่างกายได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอ รวมถึงการรับประทานอาหารเหล่านี้ยังช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าร่างกายได้รับกรดอะมิโนอย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยให้เส้นผมและเล็บแข็งแรง


2. ปลาที่มีไขมัน

     กรดไขมันโอเมก้า 3 มีบทบาทสำคัญในการบำรุงผิวให้อ่อนนุ่มและชุ่มชื้น ปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาแซลมอนและปลาแมคเคอเรล เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเชีย และวอลนัท เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยไขมันที่จำเป็นเหล่านี้ การเพิ่มโอเมก้า 3 ในอาหารของคุณจะช่วยต่อสู้กับความแห้งกร้านและช่วยให้ดูเปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ


3. บรอกโคลี

     วิตามินเอมีส่วนช่วยในการต่ออายุเซลล์ผิวและช่วยรักษาผิวให้เรียบเนียน ซึ่งวิตามินมักมีอยู่ในอาการจำพวกพืชหลายชนิด เช่น บรอกโคลี ผักโขม สตรอเบอร์รี่ พริกหยวก และมันเทศ โดยเฉพาะวิตามินซีซึ่งมีความสำคัญต่อการสังเคราะห์คอลลาเจน และสามารถช่วยเสริมความยืดหยุ่นและทำให้ดูอ่อนเยาว์ ในขณะที่ ถั่ว เมล็ดพืชต่าง ๆ ก็มีวิตามินอีสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน และช่วยบำรุงให้ผิวมีสุขภาพดี


4. มันเทศ

อาหารบำรุงผิว อาหารช่วยบำรุงผิว ผมและเล็บ อาหารบำรุงผม อาหารบำรุงเล็บ บำรุงผม บำรุงผิว บำรุงเล็บ มันเทศ

     ไบโอตินจัดเป็นหนึ่งในวิตามินบีที่มีส่วนเสริมสุขภาพเส้นผมและเล็บให้แข็งแรง การรับประทานไข่ มันเทศ ถั่ว และเมล็ดพืช เป็นอาหารที่ช่วยเสริมไบโอตินให้กับร่างกายได้ ซึ่งไบโอตินสามารถช่วยลดอาการเปราะและฉีกขาดของเล็บ รวมถึงยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเล็บและเส้นผม


5. ดาร์กช็อกโกแลต

     ดาร์กช็อกโกแลต ผลเบอร์รี่ ผักและผลไม้นานาชนิดมีสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย ซึ่งสารประกอบเหล่านี้สามารถช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ และช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี


หน้า: [1] 2 3 ... 34