ผู้เขียน หัวข้อ: motor expo: ทำไม Mitsubishi Mirage และ Attrage ได้ไปต่อ?  (อ่าน 23 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 495
    • ดูรายละเอียด
motor expo: ทำไม Mitsubishi Mirage และ Attrage ได้ไปต่อ?
« เมื่อ: วันที่ 1 สิงหาคม 2024, 19:35:50 น. »
motor expo: ทำไม Mitsubishi Mirage และ Attrage ได้ไปต่อ?

Mitsubishi Mirage และ Attrage ได้ไปต่อรถยนต์ประหยัดสมรรถนะคุ้มค่าที่เปิดตัวพร้อมราคาเริ่มต้น 5 แสนกว่าบาท ทำให้กลายเป็นรถที่น่าสนใจในยุคที่ผู้คนต้องการใช้รถยนต์ราคาถูกแต่ให้ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ลงตัวและชื่อชั้นของมิตซูบิชิไว้ใจได้
 
จุดกำเหนิดแท้ ๆ นั้นในญี่ปุ่นมิราจ ถูกออกแบบให้มีขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน โดยเน้นขนาดที่กะทัดรัดมีความคุ้มค่า และให้ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันสูง เพื่อให้ตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าด้านราคา การประหยัดน้ำมัน และการรักษาสิ่งแวดล้อม ยิ่งไปกว่านั้น ต้องขับง่าย และมีพื้นที่เพียงพอสำหรับผู้ใหญ่ 5 คน
 
ชื่อ มิราจ ถูกใช้ครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนมีนาคม 2521 โดยมีแนวคิดคือมุ่งเน้นไปที่การรักษาสิ่งแวดล้อม ประหยัดน้ำมัน ขนาดที่เหมาะสม คล่องตัวและให้ประสิทธิภาพในการขับขี่สูง โดย มิราจ ใหม่ ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและความครบสมบูรณ์ของอุปกรณ์ภายในรถในพื้นที่ที่จำกัด
 
มิตซูบิชิ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้มิราจ เป็นรถที่ประหยัดน้ำมันสูงสุดที่ 30 กม./ลิตร โดยได้รับผลสำเร็จจากการทดสอบตามมาตรฐานต่างๆ ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการพิจารณาและปรับในรายละเอียดทุกส่วนของตัวรถ เพื่อทำให้น้ำหนักรวมลดลง นอกจากนี้ Mirage สามารถขับเคลื่อนได้อย่างคล่องตัวและมีสมรรถนะที่ดี ทั้งนี้เพราะมีการปรับปรุงเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ระบบเบรก รวมไปถึงขนาดของยาง และที่สำคัญคือการออกแบบตัวถังตามหลักอากาศพลศาสตร์ช่วยลดแรงต้านอากาศและแรงเสียดทานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
สำหรับในประเทศไทยนั้น มิตซูบิชิ มิราจและแอดทราจ เกิดขึ้นในช่วงโครงการอีโคคาร์เปิดตัวเมื่อปี 2012 ภายใต้โครงการ Global Small หลังได้รับการอนุมัติจากภาครัฐสำหรับตลาดเมืองไทย และประเทศอื่นๆ กำหนดราคาขายเริ่มต้น 380,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 550,000 บาท จนปัจจุบันก้ยังได้รับความนิยมมาโดยตลอด และอะไรที่ดึงดูดให้ยังคงขายได้ต่อไป

แม้ตลาดรถยนต์ปัจจุบันจะมีรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาแทรกแล้ว แต่ในลูกค้ากลุ่มหนึ่งก็ยังมีความต้องการใช้รถยนต์ที่ให้ความคุ้มค่าทั้งเรื่องความคล่องตัว ประหยัด ดูแลง่าย ระบบความปลอดภัยและอุปกรณ์เสิรมในรถมีเพียงพอต่อการใช้งานและในบางรุ่นทอปสุดยังให้ฟังก์ชั่นเพิ่มเติมเหนือกว่าคู่แข่งในขณะนั้น
 
ความประหยัดได้จากเครื่องยนต์ขนาดเล็กเบนซิน 3 สูบ 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที และระบบวาล์วแปรผันด้านไอดี MIVEC (MITSUBISHI INNOVATIVE VALVE TIMING ELECTRONIC CONTROL SYSTEM) เกียร์ CVT พร้อมระบบ Super Shift ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำ ทำให้เครื่องยนต์มีอัตราเร่งดีเยี่ยม ประหยัดน้ำมัน ลดมลพิษ รักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในคอนเซปต์ "Ecocar" (เราไม่ใช่รถปสอร์ตนะ...มิตซูบิชิไม่ได้กล่าวไว้..) ดังนั้นกำลังระดับนี้ใช้งานในเมืองสบายเลยครับ อัตราเร่ง การควบคุม ระบบช่วงล่างก็เพียงพอรองรับสมรรถนะของตัวเองได้พอดี ๆ และมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 4.4 และ 4.6 (รุ่น Smart) และประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร อีโคสติ๊กเกอร์
 
แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือในช่วงปรับใหม่ในรุ่น Smart ได้มีติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยหลายรายการเข้าไป ทำให้เป็นรถราคาประหยัดที่มีออปชันจัดเต็มมากที่สุดในขณะนั้น อย่างเช่น
ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ) เป็นระบบเสริมความปลอดภัย โดยระบบจะประเมินระยะห่างจากรถยนต์คันหน้า หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนรถยนต์คันหน้าในช่องทางเดียวกัน ระบบจะทำการเตือน และช่วยชะลอความเร็ว พร้อมเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก เพื่อให้ประสิทธิภาพในการเบรกที่ดีขึ้นและบรรเทาความเสียหายที่เกิดจากการชน

ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (เฉพาะด้านหน้า)*เป็นระบบเสริมความปลอดภัย ช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการชน โดยใช้คลื่นเรดาร์ตรวจจับวัตถุด้านหน้าในระยะไม่เกิน 4 เมตร ในขณะที่เกียร์อยู่ตำแหน่ง “D” หากมีการเหยียบคันเร่งผิดพลาดอย่างรุนแรง และรวดเร็ว ระบบจะทำการเตือนและตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะอัตโนมัติ และทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม.
ระบบควบคุมความเร็วบนพวงมาลัย*สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เมื่อต้องขับขี่ทางไกล ด้วยระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย (Cruise Control)

ให้ความสะดวกสบายด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์ Bi-LED ทั้งไฟสูงและต่ำพร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ  ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED มาตรวัดการขับขี่แบบ High Contrast ภายในตกแต่งวัสดุแบบ Piano Black และ Carbon Print รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto* ระบบสั่งงานด้วยเสียง SIRI** และระบบเชื่อมต่อบลูทูธ หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ตโฟน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติและเบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง-ต่ำ พร้อมเบาะหลังพับแบบ 60:40
 
อย่างไรก็ตามมิราจและแอดทราจก็ไม่ได้เป็นรถที่ดีที่สุด ยังมีจุดที่อาจจะต้องทำความเข้าใจว่า "เป็นรถที่คุ้มค่ากับออปชั่นในกลุ่มอีโคคาร์" และเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นมากที่สุดรุ่นหนึ่งในตอนนี้  รถประหยัดราคา 5 แสนปลาย อาจจะไม่ถูกเหมือนจุดเริ่มต้น แต่ได้ระบบความปลอดภัยมีเต็มคันแบบนี้ก็น่าคิดนะครับ?!!??
 
Mitsubishi Mirage
ACTIVE ราคา 509,000 บาท
SMART ราคา 579,000 บาท
Mitsubishi Attrage
ACTIVE ราคา 529,000 บาท
SMART ราคา 584,000 บาท
 
ขายต่อไม่รอแล้วนะ!!!
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยืนยันแผนส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางยุทธศาสตร์การเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่มีแผนหยุดผลิต Mitsubishi Mirage และ Mitsubishi Attrage โดยประเทศไทย ถือเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ มิตซูบิชิ ที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีการส่งออกรถยนต์มากกว่า 80% ของปริมาณการผลิตไปยัง 120 ประเทศทั่วโลก แผนการผลิตรถมิตซูบิชิ มิราจ และมิตซูบิชิ แอททราจ ของบริษัทฯ ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการส่งออกมากกว่าร้อยละ 90 ของปริมาณการผลิต พร้อมตอบสนองความต้องการรถอีโคคาร์ หรือ รถยนต์ประหยัดพลังงานในตลาดประเทศไทยที่ยังคงได้รับความนิยม เพราะฉะนั้น มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จึงยังมิได้มีแผนที่จะหยุดการผลิตมิตซูบิชิ มิราจ และมิตซูบิชิ แอททราจ อย่างแน่นอน บริษัทฯ ยังวางแผนการลงทุน ด้วยงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท เพื่อพัฒนาสายการผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์ ภายในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า xEV โดยเริ่มจาก เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี Xpander HEV และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี Xpander CROSS HEV ไปพร้อมกับรถยนต์อีโคคาร์ที่ผลิตอยู่เดิม
 
ใครเล็งรถยนต์ประหยัด ปลอดภัย คล่องตัว ดูแลง่าย ใช้งานสบายใจคุ้มค่า ในงบไม่สูงมาก ผ่อนไม่เหนื่อยและมีเงินเหลือกินเหลือใช้ ลองไปทดลองขับได้ที่โชว์รูมมิตซูบิชิทั่วประเทศครับ