ผู้เขียน หัวข้อ: โรคความดันโลหิตสูงหากไม่รักษา อาจทุพพลภาพหรือเสียชีวิตได้ (Hypertension)  (อ่าน 22 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 510
    • ดูรายละเอียด
ความดันโลหิตสูง ภาวะที่ตรวจพบว่ามีความดันโลหิตอยู่ในระดับสูงผิดปกติ เป็นสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนต่างๆ 

ความดันโลหิตคืออะไร?

     ความดันโลหิต เป็นแรงดันเลือดที่เกิดจากหัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย ซึ่งวัดได้ 2 ค่า ได้แก่

     - ความดันโลหิตค่าบน คือ แรงดันโลหิตขณะที่หัวใจบีบตัวเต็มที่

     - ความดันโลหิตค่าล่าง คือ แรงดันโลหิตขณะที่หัวใจคลายตัวเต็มที่


ความดันโลหิตสูงคืออะไร?

     ความดันโลหิตสูง (Hypertension) เป็นภาวะที่ตรวจพบว่ามีความดันโลหิตอยู่ในระดับสูงผิดปกติ คือมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งอาจไม่แสดงอาการแต่จะเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ไตวาย เป็นต้น หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม อาจทำให้ผู้ป่วยทุพพลภาพหรือเสียชีวิตได้

ตารางแสดงค่าความดันโลหิต

ประเภท                    ความดันโลหิตตัวบน (มม.ปรอท)          ความดันโลหิตตัวล่าง (มม.ปรอท)

ความดันโลหิตที่ดี               ต่ำกว่า 120                    และ            ต่ำกว่า 80

ความดันโลหิตปกติ              120 – 129                 และ/หรือ        80 – 84

ความดันโลหิตค่อนข้างสูง      130 – 139                  และ/หรือ        85 – 89

ความดันโลหิตสูงเล็กน้อย (ระยะที่ 1)140 – 159          และ/หรือ         90 – 99

ความดันโลหิตสูงปานกลาง (ระยะที่ 2)160 – 179         และ/หรือ        100 – 109

ความดันโลหิตสูงมาก (ระยะที่ 3)      ตั้งแต่ 180 ขึ้นไป   และ/หรือตั้งแต่   110 ขึ้นไป


จุดมุ่งหมายในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง

     เพื่อลดอัตราการเกิดทุพพลภาพและเสียชีวิตของผู้ป่วยที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆ โดยค่าความดันโลหิตเป้าหมายในการรักษา คือ

    ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงทั่วไป ควรมีค่าความดันโลหิตต่ำกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท

     ตัวบน 120 – 130 มิลลิเมตรปรอท

     ตัวล่าง 70 – 79 มิลลิเมตรปรอท

    ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มีเบาหวานหรือไตเสื่อมร่วมด้วย ควรมีค่าความดันโลหิตต่ำกว่า 130/80 มิลลิเมตรปรอท

วิธีการวัดความดันโลหิตที่บ้าน

     1. ไม่ดื่มชา กาแฟ สูบบุหรี่ หรือออกกำลังกายก่อนทำการวัด 30 นาที

     2. ก่อนทำการวัดควรถ่ายปัสสาวะให้เรียบร้อย

     3. นั่งเก้าอี้โดยให้หลังพิงพนักเพื่อไม่ให้หลังเกร็งเท้าทั้ง 2 ข้างวางราบกับพื้น เพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายเป็นเวลา 5 นาที ก่อนวัดความดันโลหิต

     4. วัดความดันโลหิตในแขนข้างที่ไม่ถนัด หรือข้างที่มีความดันโลหิตสูงกว่า โดยวางแขนให้อยู่ในระดับเดียวกับหัวใจ

     5. ขณะวัดความดันโลหิตไม่กำมือ ไม่พูดคุย หรือขยับตัว

     ในการวัดค่าความดันโลหิตแต่ละครั้งควรใช้วิธีการวัดให้ถูกต้อง พร้อมจดบันทึกตัวเลขค่าความดันโลหิตตัวบนและตัวล่างรวมทั้งอัตราการเต้นของหัวใจในสมุดประจำตัวผู้ป่วยความดันโลหิตสูง โดยวัดค่าความดันโลหิตอย่างน้อยวันละ 2 ช่วงเวลา ได้แก่

    ช่วงเช้า วัดความดันโลหิตอย่างน้อย 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 1 - 2 นาที ภายใน 2 ชั่วโมงหลังตื่นนอน และก่อนรับประทานยาลดความดันโลหิต
    ช่วงก่อนเย็น วัดความดันโลหิตอย่างน้อย 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 1 - 2 นาที

อาการของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง

     ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการ แต่บางรายพบว่ามีอาการปวดหัว เวียนหัว มึนงง และเหนื่อยง่ายผิดปกติ ซึ่งหากมีภาวะความดันโลหิตสูงนานๆ แต่ไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้อวัยวะสำคัญต่างๆ ในร่างกายถูกทำลาย ได้แก่ หัวใจ สมอง  ไต หลอดเลือด และตา เนื่องจากภาวะความดันโลหิตสูงจะทำให้ผนังหลอดเลือดแดงหนาตัวขึ้นและรูเล็กลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้น้อยลง ส่งผลให้อวัยวะเหล่านั้นทำงานไม่เป็นปกติ และหากถูกทำลายอย่างรุนแรงอาจส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้

การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง

     1. ลดน้ำหนัก ในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักเกิน

     2. หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม

     3. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรจำกัดปริมาณให้น้อยกว่าวันละ 1 แก้ว

     4. งดสูบบุหรี่

     5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การเกิดภาวะแทรกซ้อนแบ่งได้ 2 กรณี คือ

     1. ภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูงโดยตรง เช่น หัวใจวาย

     2. ภาวะแทรกซ้อนจากหลอดเลือดตีบหรือตัน

    หากเกิดบริเวณหลอดเลือดหัวใจ จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเรื้อรังหรือเฉียบพลัน ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้
    หากเกิดที่บริเวณหลอดเลือดในสมอง จะทำให้หลอดเลือดในสมองตีบหรืออุดตัน และอาจทำให้เป็นอัมพาต
    หากเกิดบริเวณไต อาจทำให้ไตวายได้



โรคความดันโลหิตสูงหากไม่รักษา อาจทุพพลภาพหรือเสียชีวิตได้ (Hypertension) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions/247